อาวุธชิ้นสำคัญของช่างภาพงานแต่งงานนั่นก็คือกล้องถ่ายภาพ ในการรับถ่ายภาพงานแต่งงานของช่างภาพงานแต่งงานนั้น ความพร้อมของอุปกรณ์การถ่ายภาพต่าง ๆ rabaysaengstudio ที่ต้องใช้งานแน่นอนว่าต้องมีในระดับหนึ่ง ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องของความพร้อมในด้านการใช้งานจริง การตรวจเช็คความเรียบร้อยของอุปกรณ์ทุกชิ้นไม่ให้เกิดขัดข้องใดใดในระหว่างการใช้งาน และการมีอุปกรณ์และกล้องสำรองไว้ใช้ในยามที่ตัวแรกเกิดขัดข้องหรือเกิดอุบัติเหตุฉุกเฉินขึ้น ทำให้ไม่สามารถใช้การต่อไปได้ในขณะที่การทำงานนั้นต้องดำเนินไปต่ออย่างหยุดไม่ได้และสามารถดึงเอาศักยภาพ และความสามารถของอุปกรณ์ออกมาใช้ได้อย่างเต็มความสามารถและมีประสิทธิภาพสูงสุด ผ่านมุมมอง ประสบการณ์ และทัศนคติที่ดีในการทำงาน ซึ่งทำให้การรับถ่ายภาพงานแต่งงานนั้น ได้งานที่ดี ครบองค์ประกอบ และสวยงามสมใจบ่าวสาว และผู้ร่วมงานได้ดีที่สุด และอีกสิ่งหนึ่งที่ควรนำมาประกอบการพิจารณาในการเลือกตัดสินใจที่จะฝากงานที่สำคัญที่สุดในชีวิต ไว้กับช่างภาพงานแต่งงานที่รับถ่ายภาพงานแต่งงานนั้นก็คือ ใจที่รักในอาชีพ ใจที่รักในการบริการ จรรยาบรรณ ความรับผิดชอบ ทัศนคติที่ดี มุมมองที่ดีในการทำงาน ประสบการณ์การทำงาน ผลงานที่ผ่าน ๆ มา และFeedbackก็เป็นหลาย ๆ องค์ประกอบ ที่มีส่วนต่อการทำงาน การร่วมงานกันอย่างลื่นไหลเป็นไปด้วยดีในอนาคต บ่าวสาวจึงควรคำนึงด้วยว่า เคมีที่ตรงกัน ระหว่างช่างภาพงานแต่งงานกับบ่าวสาว ที่จะต้องร่วมมือกัน ให้งานดำเนินไปอย่างราบรื่นและออกมาสวยงามที่สุด ได้ภาพความทรงจำที่สวยงาม ประทับใจมากที่สุด และอยู่กับเราไปตลอดชีวิตนั้น เป็นสิ่งที่สำคัญมาก ๆ เพราะหากเกิดเหตุการณ์ฉุกเฉิน อุบัติเหตุที่ไม่คาดฝันอะไรเกิดขึ้นแล้วนั้น ก็จะไม่สามารถย้อนเวลากลับไปแก้ไขอะไรได้อีกแล้ว เพราะเหตุการณ์ต่าง ๆ เกิดขึ้นได้เพียงครั้งเดียว ซึ่งผ่านแล้วก็ผ่านเลย กลับหน้าหลัก

ช่างภาพมือใหม่มักจะมีข้อผิดพลาดหลายๆ อย่างที่อาจจะเกิดจากประสบการณ์ที่มีไม่มากพอ ช่างภาพบางคนที่กำลังเรียนถ่ายภาพ อาจจะร้อนวิชา ทำให้ต้องออกมาหาประสบการณ์ใหม่ๆ rabaysaengstudio ด้วยการรับงานถ่ายภาพ ซึ่งเป็นการลองผิดลองถูกจะได้รู้ข้อผิดพลาดจากงานที่ถ่ายออกมา หรือเพื่อเรียนรู้เทคนิคและอาจทำให้เห็นปัญหา จะได้มีการแก้ไขได้ ซึ่งช่างภาพมือใหม่มักจะหาโอกาสออกไปรับงานข้างนอกเพื่อหาประสบการณ์โดยรับงานราคาถูก มีลูกค้าบางคนที่ต้องการช่างภาพราคาประหยัด ก็อาจหันมาจ้างช่างภาพมือใหม่ ที่ลูกค้าอาจไม่ทราบ ทำให้ผลงานที่ออกมาคือภาพถ่ายที่ไม่มีคุณภาพ ซึ่งผลงานส่วนใหญ่ที่บ่งบอกว่าเป็นช่างภาพมือใหม่มีอะไรที่น่าสังเกตบ้างมาดูกัน 1.ภาพเบลอหรือมัว  ปัญหายอดฮิตของช่างภาพมือใหม่คือการที่ถ่ายภาพออกมาไม่ชัด ซึ่งภาพที่ได้นั้นเกิดพล่ามัวหรือภาพเบลอ ซึ่งสิ่งที่เกิดขึ้นอาจเป็นเพราะสภาพของแสงที่น้อยเกินไป มือไม่นิ่งหรือวัตถุนั้นกำลังเคลื่อนไหว การแก้ไขสามารถใช้ขาตั้งกล้องนั้นแบบ 3 ขาหรือแบบขาเดียว และลดการกดชัตเตอร์สปีดให้สามารถถือกล้องถ่ายภาพนั้นได้โดยภาพนั้นจะไม่เบลอ และดันไอเอสโอ  ISO ในกรณีที่คุณลดค่าชัตเตอร์สปีดจนต่ำสุดเท่าที่เราจะถือได้แล้ว  หรืออาจจะใช้แฟลชเพื่อหยุดการเคลื่อนไหว 2.มีค่า Contrast มากเกินไป  การใช้แฟลชเพื่อเปิดรายละเอียดในส่วนที่มืดเพื่อให้สว่างและมองเห็นมากขึ้น  หรืออาจจะใช้รีเฟล็กซ์หรือแผ่นสะท้อนก็สามารถเปิดส่วนที่เป็นเงามืดของภาพได้เช่นกัน ในกรณีที่ภาพมีค่าคอนทรัส Contrast มากไป เพราะส่วนใหญ่จะเกิดกับรูปที่ถ่ายกลางแดดจัดๆ ซึ่งส่งผลทำให้ส่วนสว่าง  และส่วนมืดมีความแตกต่างกันมากเกินไป 3.Red-eyes  แม้ว่าการแก้ตาแดงจะสามารถทำได้ง่ายโดยใช้โปรแกรมต่างๆ แต่ช่างภาพที่ดีก็ควรจะเรียนรูวิธีที่ป้องกันไม่ให้มันเกิดขึ้นตั้งแต่แรก ส่วนใหญ่จะเกิดขึ้นบ่อยหากถ่ายด้วยการเปิดแฟลช ในกรณีที่ถ่ายภาพบุคคลแล้วตามีสีแดงขึ้นมา ซึ่งการแก้ไขคือ ต้องไม่ใช้แฟลชที่ติดมากับกล้องเพราะจะค่อนข้างมีแสงที่แข็งกระด้าง แต่กล้องบางรุ่นก็มีโหมดที่สามารถลบตาแดงได้หรือจะลองหาห้องที่มีความสว่างมากพอที่จะทำให้ดวงตาของแบบนั้นหดตัวลง 4.สีเพี้ยนเกินไป ไม่สมจริง  การถ่ายภาพในบางสถานการณ์แสงอาจจะไม่ได้เป็นใจเสมอไป เพราะบางงานเป็นแสงจากดวงอาทิตย์ แสงจากหลอดไฟทังสเตน ที่ให้สีแตกต่างกันออกไป  ซึ่งปัจจุบันกล้องดิจิตอลสามารถปรับตั้งค่าสมดุลแสงขาวได้แต่จะต้องปรับค่า WB…

การมีนายพิธีการ เป็นสิ่งที่ดีสำหรับงานแต่งงาน หรือแม้แต่งานอื่นๆ เพราะจะทำให้งานเรียบร้อย และมีลำดับพิธีการที่ดี ไม่วุ่นวาย โดยเฉพาะ  ช่างภาพเองก็จะได้รู้หมายกำหนดการจากนายพิธีด้วย rabaysaengstudio ว่าขั้นตอนแต่ละช่วงจะเป็นอะไร ใครจะขึ้นมากล่าวอวยพร  คู่บ่าวสาวจะออกมาขอบคุณแขกที่มาร่วมงานตอนไหน  หรือจะมีการแสดงโชว์อะไรเป็นพิเศษ มีการตัดเค้กกี่โมง ฯลฯ เรียกว่านายพิธีจะเป็นคนที่แจงรายละเอียดต่างๆให้ทราบเกือบทุกขั้นตอน ทำให้ช่างภาพได้รู้ล่วงหน้า เพื่อจะได้เตรียมเครื่องมือ อุปกรณ์ไฟหรือขาตั้งกล้อง  ฯลฯ เพื่อให้ภาพในงานพิธีแต่งงานออกมาให้ดีที่สุด สวยที่สุด นายพิธีการมีความสำคัญต่อช่างภาพอย่างไร มีว่าที่คู่บ่าวสาวหลายต่อหลายคู่สงสัยอยากจะรู้ว่า หากจะจัดพิธีแต่งงานจำเป็นหรือไม่ที่จะต้องมีนายพิธีงานแต่งงานมาดำเนินการให้ แม้กระทั่งการบอกคิวช่างภาพ  ซึ่งความจริงแล้วนายพิธีงานแต่งงาน มีหน้าที่ในการลำดับพิธีการต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นตั้งแต่พิธีทางสงฆ์  การเริ่มตั้งขบวนขันหมาก การปูเรียงสินสอดและการทำพิธีรับไหว้ผู้ใหญ่  ฯลฯ ตลอดจนการเตรียมอุปกรณ์ต่างๆในการรดน้ำสังข์ด้วยนั่นเอง ซึ่งนายพิธีการก็จะเป็นคอยคอยประกาศ หรือบอกกับช่างภาพ หรือแม้แต่ส่งสัญญาณ แต่ละฉอตว่าจะเริ่มดำเนินการอะไรยังไงต่อไป ทำให้ช่างภาพได้ทราบถึงพิธีและขั้นตอนต่างๆ เพื่อที่จะได้มีการเตรียมตัวพร้อมกับอุปกรณ์บางอย่าง เพื่อให้ภาพออกมาสวย คมชัด และเก็บรายละเอียดได้หมด ซึ่งช่างภาพจะได้ไปประสานงานกับทีมงานคนอื่นๆ อีกต่อไป ความสมบูรณ์ของงานที่ช่างภาพจะขาดนายพิธีการไม่ได้ จะเห็นว่า นายพิธีงานแต่งงานก็เสมือนผู้กำกับภาพยนตร์ ซึ่งเป็นผู้ที่คอยกำกับและลำดับการประกอบพิธีงานแต่งงาน เพื่อให้งานอันเป็นมงคล ครั้งหนึ่งในชีวิตของคู่บ่าวสาวออกมาแบบครบถ้วนสมบูรณ์แบบและเป็นไปตามประเพณี วัฒนธรรมอันสวยงามที่สืบสานกันต่อมาจนถึงยุคปัจจุบัน เพื่อความเป็นสิริมงคลของคู่บ่าวสาวสืบไป ซึ่งจะทำให้ช่างภาพได้เก็บภาพบรรยากาศตามขั้นตอนทุกกระเบียดนิ้วโดยสมบูรณ์เช่นกัน นายพิธีการต้องมีประสบการณ์และเข้าใจทุกขั้นตอนพิธีการ นายพิธีแต่งงานที่คู่บ่าวสาวจ้างมา จะต้องเป็นผู้ที่มีประสบการณ์และมีความแม่นยำในขั้นตอนการทำพิธีการต่างๆ…

การเลือกจองคิวช่างภาพที่ถูกใจนั้น ส่วนใหญ่จะมาจากผลงานที่ บ่าว สาว ชื่นชอบ อย่าพยายามเลือกช่างภาพเพราะชื่อเสียงหรือเพราะใครๆแนะนำ เพราะชื่อเสียงนั้นสามารถเมคขึ้นมาได้ rabayseangstudio จะทำให้ บ่าว สาว นอกจากจะไม่ได้ภาพสวยแล้วอาจจะจ่ายเงินในราคาแพงเกินไปอีกด้วย  แต่ถ้าถ้าเพื่อนๆของคุณแนะนำมาอาจจะเป็นสไตล์รูปที่ไม่เข้ากับคุณก็อาจจะทำให้เสียความรูสึกได้  การเลือกช่างภาพงานแต่งจะต้องเลือกให้ดี และคู่บ่าวสาวจะต้องจองคิวเพื่อบอกช่างภาพให้ทราบกำหนดเวลาต่างๆ และยังทำให้ทราบว่าช่างภาพที่จะจ้างนั้นว่างหรือไม่ แต่ก่อนที่คู่บ่าวสาวจะมีการว่าจ้างช่างภาพงานแต่ง ควรจะต้องรู้อะไรไว้บ้าง จะได้เตรียมการไว้ก่อนเริ่มงานหรือหลังจบงาน 1.หน้าที่ของช่างภาพหลัก งานแต่งงานส่วนใหญ่ที่เห็นมักจะใช้ช่างภาพหลักเพียงแค่คนเดียว แล้วก็มีช่างวีดีโอ แต่หากเป็นการจัดงานแต่งงานที่ใหญ่และมีจำนวนแขกที่ค่อนข้างมาก จะต้องเลือกช่างภาพสัก 2 คนขึ้นไป เพื่อให้เหมาะสมกับงานที่จัด ซึ่งช่างภาพหลักจะทำหน้าที่บริหารจัดการทีมงาน มีการจัดแสงหรือจัดรูปแบบการถ่ายภาพทั้งหมด และบริหารเวลาให้เหมาะสมกับจำนวนแขก และพิธีการ  ซึ่งช่างภาพหลักจะคอยอยู่ใกล้ชิดติดตามบ่าวสาวตลอดเวลา และจะต้องจัดภาพความบลานซ์ สำหรับถ่ายภาพหมู่ให้แขกๆ และญาติๆ การกดชัตเตอร์ทุกครั้งต้องสวยทุกรูป ซึ่งช่วงพิธีการต้องแม่นและเร็ว ส่วนรูปที่ได้จากช่างภาพหลักส่วนใหญ่เป็นรูปถ่ายแบบตรงๆ 2.จำเป็นแค่ไหนจะต้องจ้างช่างภาพแคนดิต คู่กับช่างภาพหลัก ?? ช่างภาพแคนดิตส่วนใหญ่จะมีสไตล์เฉพาะตัว เพราะเป็นช่างภาพที่อาจจะไม่มีโอกาสจัดความเป็นระเบียบให้กับแขกที่มางาน หรือแม้คู่บ่าวสาว เพราะช่างภาพแคนดิตจะเน้นการจับจังหวะอารมณ์บ่าวสาว เพื่อนๆ ญาติผู้ใหญ่ บรรยากาศต่างๆ และเก็บรายละเอียดในภาพรวมของงานทั้งหมด พร้อมทั้ง หามุมมองแปลกๆ ใหม่ๆ  ทำให้ภาพที่ได้ออกมา เป็นการเน้นอารมณ์มากกว่าภาพของช่างภาพหลัก ซึ่งบางภาพอาจจะไม่คมชัด แต่กลับดูมีมิติ…