ผีพรายทำลายชีวิตผม ตอนที่ 4

เก๋เป็นเจ้าหญิงนิทราต้องรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาล แต่ได้ไม่นานก็ต้องออกมาเพราะเราสู้ค่ารักษากันไม่ไหว ซึ่งเป็นช่วงที่ครอบครัวผมมีฐานะการเงินค่อนตกต่ำที่สุด LYNBET เลยต้องพามาอยู่บ้าน เมียผมคอยดูแลลูกทุกอย่าง ต้องเจาะช่องที่ท้องแล้วให้อาหารทางสาย คอยดูดเสมหะในคอ ช่วงแรกๆกอดคอกันร้องไห้ทุกคืน ผมก็ต้องทำงานอยู่คนเดียว ตอนนั้นไม่มีกะจิตกะใจจะทำอะไรสักอย่าง

จนสุดท้ายเงินที่ได้มาต้องเอาไปรักษาลูกหมด บวกกับช่วงนั้นราคาต้นทุนน้ำมันก็สูง เลยต้องตัดสินใจเลิกขายน้ำมัน ผมกับเมียแทบคิดจะอยากจบชีวิตทั้งครอบครัวไปตั้งแต่ตอนนั้น แต่พอมาเห็นลูกชายอีกคนที่ยังสู้ ออกไปช่วยทำงานแกะกุ้งแลกเงินแถวแพปลาข้างๆบ้าน LYNBET ทำให้ยังสู้ต่อไปได้ สุดท้ายผมปรึกษาเพื่อนๆ เขาก็แนะให้มาทำเรือประมง แต่ก็ต้องใช้เงินทุนเยอะมากๆ ผมรู้ตัวเองว่าทำงานนี้ได้ เพราะระหว่างที่ขายน้ำมันผมก็เก็บเกี่ยวความรู้การทำเรือประมงมาจากลูกค้า ตอนนั้นไม่รู้จะพึ่งใครเลยกลับไปหาเถ้าแก่ปั้ม

เพื่อขอกู้เงิน ซึ่งแกใจดีมากๆ ชีวิตนี้ผมไม่รู้จะขอบคุณแกยังไง พอได้เงินมาก็เอาไปซื้อเรือมือสองมาบูรณะใหม่หมด ทำอยู่ประมาณ 6 เดือนก็พร้อมจะออกทะเล ช่วงแรกก็พอได้ไม่ถึงกับดีมากๆ ผมเป็นไต๋เรือขับออกไปหาปลาเอง เวลาออกเรือไปทีนึงก็ประมาน 5-6 วัน ช่วงนั้นก็เลยต้องฝากให้ลูกชายคอยดูแลแม่กับน้อง ส่วนผมต้องออกเรือแทบจะไม่ได้หยุดพัก แต่ก็คุ้มค่ากับที่ลงทุนลงแรงไป จนวันนึงในกลางทะเลผมก็ทิ้งสมอจอดเรือไว้ ตอนประมาณ ตี 2 มีลูกน้องเรือคนนึงที่เป็นพม่า (มีทั้งหมด 4 คน คนไทย 3 พม่า 1)

มันก็โวยวายมาจากห้องเครื่องใต้ท้องเรือ ลูกน้องที่เหลือเลยลงไปดู คือสื่อสารกันไม่ค่อยรู้เรื่องหรอก เพราะส่วนใหญ่ใช้กันแต่แรงงานแล้วชี้บอกให้มันทำนู้นนี้ง่ายๆ แต่มันโวยวายเป็นภาษาพม่า แล้วก็ร้องไห้ไม่ยอมออกมาจากห้องเครื่อง จนผมต้องลงไปดูเอง จะว่าเป็นอาการเมาเรือคงไม่ใช่เพราะก็เห็นมันออกเรือด้วยกันมาตั้งนานแล้ว เพิ่งจะมีอาการแบบนี้ แล้วอยู่ดีๆมันก็เอาหัวโคกกับฝาเรือซึ่งเป็นไม้ โคกแรงมาก แบบไม่ยั้งกำลังเลย เลือดพุ่งแบบกระเด็นออกไปเต็มฝาเรือ ลูกน้องที่เหลือช่วยกันหามมันขึ้นมาด้านบน มันก็ร้องไม่ยอมไปไหน แต่ตอนนั้นผมคิดในใจอยู่แล้วว่าเป็นพวกผีวิญญาณอีกแล้ว เลยเอาพระของผมไปห้อยคอมัน

มันก็ไม่ได้กรี๊ดเหมือนผีเข้าอะไร แต่ก็ค่อยๆเย็นลง ผมก็ให้พระมันยืมใส่ไปก่อนแล้วก็ช่วยกันทำแผลเพราะเลือดไหลแทบไม่หยุด อุปกรณ์ยารักษาอะไรก็ไม่ค่อยพร้อม เลยตัดสินใจว่าคงต้องกลับเข้าฝั่ง ตอนนั้นอยู่กันกลางอ่าวไทย คงอีกคืนนึงกว่าจะถึงท่าเรือ พอคืนที่ 2 ลูกน้องพม่าอาการก็แย่ลงเพราะเสียเลือดไปเยอะ ตกกลางดึกมันก็เพ้อเป็นภาษาพม่า ซึ่งก็ไม่มีใครเข้าใจมันสักคน บางทีก็เห็นมันร้อง ลูกน้องที่เหลือรวมทั้งผมเองก็รู้ว่าไม่ใช่เรื่องปกติแน่นอน จนสักเวลา ตี 3 ครึ่ง ผมเห็นเป็นฟองอากาศขึ้นอยู่รอบเรือ ตอนแรกก็ไม่เอะใจอะไร สักพักเริ่มรู้สึกได้ว่าฟองอากาศนั้นตามมาเรื่อยๆ จนมีลูกน้องคนนึงมันตะโกน เห้ย!

เหมือนตกใจอะไรสักอย่าง แล้วตกลงไปในน้ำ ลูกน้องคนที่เหลือก็ไม่ลงไปช่วย คิดว่าเดี๋ยวมันก็ขึ้นมาเอง เพราะพวกนี้ว่ายน้ำแข็งมากๆ หลายนาทีผ่านไปก็ไม่ขึ้นมา เลยพากันโดดลงไปช่วย ตอนผมดำลงไปเห็นมันโดนลากอยู่กับหางเสือใต้ท้องเรือ ขาถูกพันไปด้วยเส้นผมที่ยาวมากๆ ทุกคนบนเรือยืนยันได้ว่ามันคือเส้นผมไม่ใช่สาหร่าย เพราะผมเอาขึ้นมาดูให้ชัดบนเรือด้วย แต่ละคนขนลุกจนอยากจะกลับบ้านเลยเดี๋ยวนั้น

ส่วนลูกน้องที่ตกลงไปมันรอดมาแบบหวุดหวิด แล้วมันก็มาเล่าให้ทุกคนฟังว่าก่อนมันตกลงไป มันเห็นผู้หญิงอืดๆ ลอยคออยู่ข้างเรือ ตอนนั้นพอกลับไปถึงท่าเรือแล้ว แต่ละคนแยกย้ายขอลาออกแบบไม่ต้องบอกกล่าว เหลือลูกน้องไทยอีกคนที่ยังอยู่กับผม แต่พอผมกลับไปบ้านก็พบว่า ช่วงเวลาที่ผมออกเรือไปแค่ไม่กี่วัน เก๋ผอมจนเหลือแต่หนังหุ้มกระดูก ยังกับโดนผีมาสูบไปจนหมด

กลับสู่หน้าหลัก

Leave a Reply